จำเป็นต้อง “ออกกำลังกาย” ทุกวันหรือไม่ ?

ทุกคนล้วนแล้วแต่ทราบกันดีว่า หากอยากมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง

ต้อง “ออกกำลังกาย” แต่ในชีวิตการเรียน การทำงานอันวุ่นวาย อาจทำให้หลายคนไม่ได้มีเวลาในการออกกำลังกายทุกวัน แล้วหากออก ๆ หยุด ๆ แบบนี้ จะได้ผลดีต่อร่างกายอย่างที่หวังเอาไว้หรือไม่ ?

จำเป็นต้อง “ออกกำลังกาย” ทุกวันหรือไม่ ?

ออกกำลังกายวันละนิด วันละหน่อย หากคุณเลือกที่จะออกกำลังกายแค่วันละนิดวันละหน่อย อาจจะแค่วิ่งเหยาะ ๆ หรือเดินเร็ว ๆ จนรู้สึกหอบเหนื่อยระหว่างเดินไปทำงาน หรือเดินกลับบ้าน เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ก็ช่วยให้ร่างกายได้สัมผัสถึงการออกกำลังกายได้แล้ว ยิ่งหากทำบ่อย ๆ จนติดเป็นนิสัย คุณจะสามารถเผาผลาญพลังงานต่อวันได้เพิ่มขึ้นจนคุณไม่ทันรู้สึกตัว ซึ่งการออกกำลังกายในลักษณะนี้เหมาะกับคนที่ “ยุ่งมากจนไม่มีเวลาออกกำลังกาย” อย่างแท้จริง

การออกกำลังกายเบา ๆ เพียง 15 นาที หรือการออกกำลังกายแบบใช้แรง 8 นาที ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ ได้ถึง 4%

แค่วิ่ง ก็ลดเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจ

หากใครที่มีเวลาไม่มาก และไม่รู้จะเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างไร ลองเริ่มวิ่งดูก่อนได้ เป็นการออกกำลังกายที่ง่าย และได้ผล ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งรอบหมู่บ้าน หรือวิ่งบนลู่วิ่งในฟิตเนสก็ได้ผลดีเหมือนกันทั้งคู่ ใครที่วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ และทุกนาทีที่เพิ่มเวลาในการวิ่ง จะเป็นการเพิ่มโอกาสในการลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจได้ 12% และลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตจากโรคอื่น ๆ ได้มากถึง 15% เลยทีเดียว

เลือกระดับการออกกำลังกายที่เหมาะกับเรา

เราไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายอย่างหนักหน่วงเหมือนคนอื่น ๆ เช่น หากคุณยังไม่เคยออกกำลังกายเป็นประจำมาก่อน การวิ่งเพียง 1-2 นาทีก็อาจทำให้คุณปวดขาไปทั้งวันได้ ดังนั้นควรเลือกวิธีออกกำลังกายที่เราชอบ อยากลอง จากนั้นเลือกระดับการออกกำลังกายที่เราพอทำได้ ระดับเบาที่สุด เช่น วิ่งบนลู่วิ่งในความเร็วระดับ 4 ที่ 3 นาที จากนั้นหากทำได้โดยไม่เหนื่อยเกินไป ก็ค่อย ๆ เพิ่มระดับความเร็ว หรือเพิ่มความยาวนานในการวิ่งมากขึ้นทีละนิด

สุขภาพ-ออกกำลังกาย

รวมถึงการออกกำลังกายแบบยกน้ำหนัก ควรค่อย ๆ เพิ่มน้ำหนัก รวมถึงจำนวนครั้งในการยกอย่างช้า ๆ เพื่อป้องกันอาการบาดเจ็บอีกด้วยดังนั้น การออกกำลังกาย ไม่จำเป็นต้องทำทุกวัน แต่ควรเลือกทำกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายได้ใช้แรงจนรู้สึกเมื่อย หรือเหนื่อยหอบเบา ๆ ทุกวัน วันละเล็กละน้อย ก็เหมือนช่วยให้ร่างกายได้ออกกำลังกายเบา ๆ ทุกวันโดยไม่ต้องเข้าฟิตเนส แต่กระนั้นการออกกำลังกายอย่างเต็มรูปแบบก็ยังสำคัญอยู่ ควร “ตั้งใจ” ออกกำลังกายอย่างน้อยครั้งละ 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ จะช่วยให้มีร่างกายที่แข็งแรง และช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีอีกด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม : เริ่มแล้ว! แคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานเป็นเบาใจ”

เริ่มแล้ว! แคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานเป็นเบาใจ”

เคยมีคำพูดที่ว่า เมื่อเป็นเบาหวานแล้ว จะต้องทานอาหารน้อยลง และทานยาไปตลอดชีวิต

สุขภาพ ซึ่งนั่นทำให้ผู้เป็นเบาหวานเกิดความกังวลใจ และใช้ชีวิตได้อย่างไม่เต็มที่นัก เพราะถ้าต้องงดของอร่อย และทานแต่ผัก ผลไม้ ก็คงมองว่าโรคเบาหวาน เป็นอุปสรรคของชีวิตแต่วันเบาหวานโลกปีนี้ จะทำให้ความคิดและความรู้สึกแบบเดิมๆ นั้นเปลี่ยนไป ด้วยความพิเศษกว่าที่เคย โดย กลูเซอนา จัดกิจกรรมดีๆ ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่ายกับ แคมเปญ “ท้าพิสูจน์ 30 วันคุณทำได้ เปลี่ยนเบาหวานให้เบาใจ” ชวนคนไทยมาเปลี่ยนโรคเบาหวานที่ดูเหมือนน่าหนักใจ ให้กลายเป็นโรคที่ใช้ชีวิตได้อย่างเบาใจ และมีความสุขมากขึ้น ผ่าน Workshop ที่อัดแน่นไปด้วยสาระและความสนุก แคมเปญนี้เป็นการร่วมมือระหว่างกลูเซอนา ผลิตภัณฑ์อาหารทางการแพทย์สำหรับผู้เป็นเบาหวาน* และโมดิช ฟู้ด ดีไซน์ ร้านอาหารสุขภาพดิลิเวอรี่ที่ออกแบบอาหารโดยผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ โดยมีวัตถุประสงค์ในการส่งเสริมความรู้ทางด้านโภชนาการ พร้อมเสริมสร้างความเข้าใจในด้านการดูแลตัวเอง เพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง และสามารถนำความรู้ไปใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันสำหรับผู้เป็นเบาหวานและผู้ดูแลโดย Workshop ที่ผ่านมา เริ่มต้นด้วยการตรวจวัดมวลร่างกาย (BMI)

สุขภาพ เมื่อเป็นเบาหวาน

ค่าระดับน้ำตาลในเลือด และความดันเลือดของผู้เข้าร่วมแคมเปญ ณ จุดลงทะเบียน เพื่อให้ความรู้ความเข้าใจในการอ่านค่าข้อมูลต่างๆ และเริ่มบันทึกสถิติก่อนเริ่มแคมเปญเป็นรายบุคคลตามด้วยกิจกรรมการส่งเสริมความรู้ทางด้านโภชนาการพร้อมเสริมสร้างความเข้าใจในด้านการดูแลตัวเองเพื่อปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตให้ถูกต้อง ให้ผู้ป่วยเบาหวานได้เข้าร่วมอีกมากมาย ตลอด 5 ชั่วโมงเต็ม ได้แก่Interactive Lecture การให้ความรู้เรื่องเบาหวานอย่างครบถ้วน อาทิ สาเหตุการเกิดโรค ประเภทของโรค การดูแลรักษาร่างกาย การทานอาหาร บทบาทของอาหารทางการแพทย์ และการใช้อาหารทดแทนสำหรับผู้ป่วยเบาหวานอย่างเหมาะสม โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ซึ่งกิจกรรมเต็มไปด้วยความสนุก ผู้เข้าร่วมแคมเปญทุกคนร่วมตอบคำถาม ซักถามข้อสงสัย และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นตลอดคลาสเรียน